รีวิว UltrAspire Spry

ระยะหลังนี้ผมจะติดปัญหาเรื่องเวลางานกว่าจะเลิกสวนก็เกือบปิดแล้ว ทำให้ไม่ค่อยได้ไปวิ่งในสวนเลยอาศัยวิ่ง City Run แทนครับ ซึ่งเป้ SJ 2.0 ที่ผมใช้อยู่นี่พอเอามาใส่วิ่ง City Run รู้สึกว่าจะใหญ่ไป เพราะเวลาวิ่ง City Run ร้านสะดวกซื้อมีมากมายตามข้างทางไม่จำเป็นต้องแบกของกินอะไรเยอะแยะ ผมก็เลยสั่งเป้น้ำที่สุดแสนจะ minimalist มาอีกใบที่จะรีวิวกันวันนี้ครับ เป้ใบนี้คือ UltrAspire Spry นั่นเอง

แบรนด์ Ultraspire นี้ก่อตั้งโดย Bryce Thatcher นักวิ่งอัลตร้าเจ้าของสถิติ Grand Teton Owen-Spalding route ตั้งแต่ปี 1983-2012 และสถิติ Fastest Known Times (FKTs) อีกหลายรายการ (ข้อมูลจาก runnersworld.com) เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Elite Creators ที่เน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยอาศัยแรงบันดาลใจและการร่วมมือกับนักกีฬามือโปรที่ใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ


ในเมืองไทยตอนนี้ถ้าพูดถึงเป้น้ำที่ดังๆ ก็คงไม่พ้นแก๊งค์สี่สหาย คือ Salomon , Ultimate Direction , Nathan และ Camelbak นะครับ แต่ถ้าได้ลองติดตามงานวิ่งเทรลในต่างประเทศจะเห็นนักวิ่งที่ใช้เป้น้ำสายยางสีแดงกันอยู่มากเช่นกัน นั่นแหละครับสายยางสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของ UltrAspire
สำหรับเจ้า Spry นี้ได้แรงบันดาลใจและร่วมออกแบบโดย Krissy Moehl นักวิ่งอัลตร้าหญิงระดับ elite (ขอบคุณข้อมูลจากเพจ UltrAspire Thailand) ตัวเป้จะเป็นสไตล์ minimalist ใบเล็กๆ เน้นความคล่องตัวมีช่องใส่ของแต่พอจำเป็นไม่เยอะมาก โดยร่วมจะเป็นเป้ที่มีขนาดเล็ก, เบา และ โปร่งครับ (น้ำหนักเป้ไม่รวมถุงน้ำอยู่ที่ 164 กรัม)


จุกน้ำของ UltrAspire จะไม่เหมือนกับของแบรนด์อื่น โดยปกติถุงน้ำส่วนใหญ่จะเป็นวาล์วแบบกัดแล้วดูดน้ำ แต่ของ UltrAspire จะใช้วาล์วแบบ Infusion Valve ใช้การดึงขึ้น-กดลง สำหรับการเปิดและปิดเหมือนเวลาดื่มจากขวดน้ำจักรยาน ช่วงแรกใช้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ครับ แต่พอคุ้นแล้วผมชอบนะมันใช้ง่ายดี แต่เปิดแล้วต้องไม่ลืมปิดนะครับเพราะน้ำจะไหลออกมาได้เรื่อยๆ ไม่เหมือนวาล์วแบบกัดดูดที่ถ้าไม่กัดน้ำก็จะไม่ไหลออกมา

ข้อดีอีกอย่างของวาล์วแบบนี้คือมีกลิ่นยางน้อยถึงน้อยมากครับ ปกติเวลาได้ถุงน้ำมาใหม่เรามักจะล้างก่อนให้ไม่มีกลิ่น (ใช้น้ำโซดาหรือเบ้กกิ้งโซดา) ตัวถุงน้ำนี่ไม่ค่อยมีปัญหาครับล้างครั้งเดียวก็ไม่มีกลิ่นล่ะ ที่มีปัญหาคือสายยางที่แค่ล้างไม่พอ ต้องดูดน้ำให้ผ่านสายหลายๆ ครั้งด้วย

สายยางที่ใช้วาล์วแบบกัดดูดถึงจะใช้งานมาหลายครั้งแต่กลิ่นยางก็จะยังไม่หายไปง่ายๆ เพราะกลิ่นมันมาจากยางในวาล์วที่เราดูดน้ำครับ ต้องใช้งานไปสักพักให้น้ำผ่านเรื่อยๆ กลิ่นถึงจะเริ่มจางลงแต่กับจุกแบบ Infusion Valve ของ UltrAspire ก่อนใช้ผมล้าง 1 ครั้ง พอใช้ไปประมาณครั้งที่ 2 ก็ไม่มีกลิ่นยางแล้วครับดีมากเลย

ตัวเป้ของ Spry จะเป็นแบบ Yoke Style ขนาดของเป้เป็น free size ปรับขนาดเป้ให้กระชับด้วยสายรัดด้านข้างกับด้านหน้า วัสดุที่มาใช้ทำตัวเป้จะเป็นผ้าไนล่อนกันน้ำ(ส่วนที่เป็นสีแดง) กับผ้าไมโครไฟเบอร์ที่น้ำหนักเบา, ยืดหยุ่น และระบายอากาศดี ตัวเป้ค่อนข้างโปร่งสูสีกับ UD SJ 2.0 ครับ แต่ส่วนที่โปร่งจะเป็นผ้าตาข่ายไมโครไฟเบอร์ (large hole breathable microfiber mesh) ซึ่งเนื้อผ้าจะนุ่มกว่าตาข่ายไนลอนของ UD (แต่ก็จะมีน้ำหนักมากกว่าด้วยเพราะผ้าหนากว่า)

ด้านหน้าตรงสายสะพายจะมีแถบสะท้อนแสงอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา โดยแถบสะท้อนแสงนี้จะทำหน้าที่เป็นห่วงสำหรับร้อยสายยางของถุงน้ำด้วย ถัดไปด้านล่างจะเป็นแถบรัดหน้าอกซึ่งจะเป็นการล็อคแบบใช้ตะขอเกี่ยวที่ทาง UltrAspire เรียกว่า Speed Hook ทางซ้ายเป็นตะขออลูมิเนียมสีแดงกับสายคาดแบบยางยืด ใช้เกี่ยวเข้ากับห่วงหนังที่อยู่ทางด้านขวา (ช่วงแรกต้องทำความคุ้นเคยนิดหน่อยครับเพราะแถบรัดหน้าอกของ UD ที่เคยใช้ประจำมันเป็นหัวพลาสติกแบบ Side Release Buckle) วิธีใช้คือคลายสายให้หลวมก่อนแล้วเกี่ยวตะขอจากนั้นค่อยปรับแถบคาดจนกระชับพอดีๆ งานตรงส่วนตะขอนี่ทำได้ดีเลยครับ


ทางขวาด้านบนจะมีกระเป๋าเล็กๆ ล็อคด้วยระบบแม่เหล็กที่เรียกว่า Magnon Electrolyte Pocket ซึ่งมีอยู่ในเป้น้ำแทบทุกรุ่นของ UltrAspire เป็นกระเป๋ากันเหงื่อไว้ใส่พวกเกลือเม็ดหรือของเล็กๆน้อยๆ ปกติผมจะเอาไว้ใส่กุญแจกับเศษเหรียญเพราะแม่เหล็กมันดูแรงมากครับ เหรียญโดนดูดไม่ค่อยส่งเสียงกระทบกันเวลาวิ่ง (ดูดแต่เหรียญบาทรุ่นใหม่ๆ นะครับ เหรียญ 5 กับเหรียญ 10 มันไม่ดูด)
ด้านล่างจะเป็นช่องใส่ของหรือขวดน้ำก็ได้ซึ่งล็อคด้วยการรูดสาย bungy cord กระเป๋าช่องนี้ออกแบบไว้ใช้กับขวดน้ำ 8 ออนซ์ของ UltrAspire แต่ผมใช้ขวด 12 ออนซ์ของ Amphipod ก็ใส่ได้พอดี (ใหญ่กว่านี้น่าจะใส่ไม่ค่อยลงเพราะช่องมันไม่ใหญ่มาก) ถ้าไม่ใส่ขวดน้ำก็ใช้ใส่ของได้ครับลองใส่โทรศัพท์จอ 4.5 นิ้วกับเจลอีก 3 ซองได้พอดี



ทางซ้ายด้านบนจะมีช่องใส่ของเล็กๆ เป็นผ้า mesh ยืดหยุ่นได้ดีใส่เจลได้ 1 ซอง ด้านล่างเป็นกระเป๋าซิปกับช่องใส่ของด้านหน้า กระเป๋าใส่โทรศัพท์จอ 4.5 นิ้วกับเจลอีก 3 ซองแล้วรูปซิปปิดได้พอดี ส่วนช่องด้านหน้าที่เป็นผ้า mesh ด้านหน้าใส่เจลได้อีกประมาณ 3 ซอง แต่ช่องด้านหน้ากระเป๋าซิปนี้ของจะหล่นง่ายครับถ้าใส่ของที่ทรงยาวๆ เลยขอบออกมา(เช่นเจลแบบในรูป) ต้องระวังนิดหน่อยครับโดยเฉพาะเวลาวิ่งลงเขา




ด้านข้างของเป้จะเป็นแถบสายรัดด้านข้างปรับระดับได้ทั้งทางซ้ายและทางขวา ด้านหลังจะเป็นช่องใส่ถุงน้ำปกติจะล็อคปิดด้วยแม่เหล็กเหมือนช่องเล็กด้านหน้าและมีแถบสะท้อนแสงติดอยู่ 2 ชิ้น เวลาจะใส่ถุงน้ำเมื่อเปิดช่องหลังจะมีแถบเวลโครไว้รัดถุงน้ำ ใส่ถุงน้ำ 1 ลิตรแล้วเล็กดีไม่หนักมากเวลาวิ่งครับ ด้านในของเป้จะเป็นผ้าตาข่ายไมโครไฟเบอร์ทั้งผืนช่วยระบายอากาศทำให้ไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดที่แผ่นหลังเวลาสะพายเป้ใส่ถุงน้ำนานๆ



บทสรุปสำหรับ UltrAspire Spry นะครับ ผมใส่วิ่ง City Run ไปประมาณ 150K รู้สึกชอบมาก ข้อแรกคือน้ำหนักเบาใส่สบายแบกถุงน้ำแค่ 1 ลิตรเบากว่าถุงน้ำ 2 ลิตรแบบปกติไป 1 กก. วิ่งสบายขึ้นเยอะ ข้อที่สองมีช่องใส่ของเพียงพอกับการวิ่ง City Run ที่สามารถแวะร้านสะดวกซื้อได้ตลอดทาง ไม่ต้องแบกอะไรไปเยอะ ข้อที่สามเป็นเป้ minimalist ที่ราคาถูกที่สุดของ UltrAspire (ประมาณ 59$) แต่วัสดุและการตัดเย็บทำได้ดีไม่แพ้ UD SJ 2.0 ใครที่ชอบวิ่ง City Run หรือชอบใช้เป้เบาๆ แบกของน้อยๆ ขอแนะนำเลยครับ UltrAspire Spry (เป็นเป้ unisex ใช้ได้ทั้งชายและหญิง)

Pros
- มีวัสดุและการตัดเย็บที่ดี
- เป็นเป้ minimalist น้ำหนักเบา
- ค่อนข้างกระชับเวลาสวมใส่ ปรับสายรัดด้านหน้า/ด้านข้าง ได้ง่าย
- ระบายอากาศดีไม่อมเหงื่อมาก
Cons
- ใส่ของได้น้อยไปหน่อย
- สายรัดด้านหน้ามีเส้นเดียวและอยู่ตรงกับตำแหน่งคาด HRM ถ้าปรับไม่ดีจะไปกด HRM ทำให้เสียดสีกับหน้าอก (แต่ถ้าไม่ใช้ Heart Rate Monitor ก็ไม่มีปัญหาอะไร)
แวะมาดูรูปค่ะ ไม่ได้อ่านรายละเอียดเลย 🙂
ตั้มไอทีถ่ายรูปชัดเจนมาก
ขอบคุณที่ติดตามจ้า