รีวิว Skora Phase-X

วันนี้ผมจะมารีวิวรองเท้าวิ่งอีกหนึ่งรุ่นของ Skora นะครับ เป็นรองเท้าที่มีเหมาะมากสำหรับการใส่วิ่งในยามค่ำคืน โดยเฉพาะการวิ่ง City Run เพราะมีความพิเศษตรงที่เกือบทั้งหมดของ upper นั้นเป็นวัสดุสะท้อนแสง ซึ่งจะสะท้อนแสงได้ค่อนข้างสว่างมากเวลาต้องแสงไฟ รองเท้าคู่นี้ก็คือ Skora Phase-X ครับ

Skora Phase และ Phase-X นี่จะมีโครงสร้างของรองเท้าเหมือนๆ กันครับ แต่จะต่างกันก็ตรงเรื่องการสะท้อนแสง กล่าวกันง่ายๆ ก็คือ Phase-X เป็นรุ่นสำหรับวิ่งกลางคืนนั่นแหละครับ สำหรับวัสดุที่ใช้จะต่างกับ Skora Core พอสมควรครับ เริ่มกันที่ upper จะเป็นผ้า mesh หรือผ้าตาข่ายครับ โดยส่วนที่สะท้อนแสงนั้นก็จะมีการใช้ผ้าและฟิล์มสะท้อนแสงร่วมด้วย โดยจะออกแบบให้แทรกอยู่ในระหว่างชั้นของ upper ซึ่งทาง Skora เรียกว่า 360-degree reflectivity

ทรงรองเท้าก็ยังคงเป็นแบบ REALFIT ซึ่งจะให้ความรู้สึกกระชับและสบายเวลาสวมใส่ toe box กว้างพอสมควร สายรองเท้าจะเป็นแบบ asymmetric ส่วนลิ้นรองเท้าจะเย็บติดกับ upper ฝั่งนอกเวลาใส่ก็จะ wrap เท้าเอาไว้ โดยรวมแล้วรองเท้าก็จะเป็นทรงแบบเดียวกับ Skora Core นั่นแหละครับ แต่สายรองเท้าจะพิเศษกว่าหน่อยคือจะมีฟิล์มสะท้อนแสงทอแทรกอยู่ตลอดเส้นครับ ช่วยเพิ่มความสว่างของรองเท้าเวลาสะท้อนแสงได้เป็นอย่างดี


ส่วนส้นรองเท้าก็จะเป็นผ้า mesh กับฟิล์มสะท้อนแสงเป็นหลักครับ ถึงแม้ว่ารองเท้าในไลน์ Phase และ Phase-X นี้จะไม่ได้ใช้หนังแพะ Armor-Tan แบบที่ใช้ใน Skora Core และ Form แต่วัสดุและการตัดเย็บก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ตามมาตรฐานของ Skora ครับ

ตรงบริเวณส่วนส้นเท้าด้านในรองเท้า (collar lining) จะเป็นหนังแกะ Pittards WR100X Sheepskin เหมือนในรุ่น Core ครับ (เป็นส่วนเดียวของรองเท้าที่เป็นหนัง) โดย Phase-X นี่จะมีส้นรองเท้าที่บางกว่าและขอบสูงต่ำกว่า Core เล็กน้อย เจ้าหนังแกะ WR100X นี่ก็ยังคงรักษาความพยศไว้ได้เหมือนเดิมครับ ใส่ครั้งแรกกัดทั้งสองข้างเลย พอใส่วิ่งได้สัก 2-3 ครั้งให้มันโดนเหงื่อบ้าง หนังมันก็จะเริ่มนุ่มขึ้นจนไม่กัดครับ

ด้านในรองเท้าจะเป็นผ้าคล้ายกำมะหยี่ ซึ่งทั้งผ้าด้านในและพื้นรองเท้าจะผ่านกระบวนการเคลือบ antimicrobial เพื่อลดการเกิดกลิ่นครับ ส่วน footbed ด้านในหากถอดแผ่นรองออกจะเห็นว่าใช้เย็บแบบตะเข็บกลับด้าน (stitch-down) แต่จะไม่ได้เป็นการเย็บตะเข็บกลับด้านทั้งหมด ตรงบริเวณ toe box ด้านหน้าจะเย็บแบบตะเข็บธรรมดา โดยรวมแล้วการเย็บตะเข็บด้านในของ Phase-X นี้จะไม่ได้เนี๊ยบมากแบบรุ่น Core แต่ก็ยังถือว่าทำได้ดีครับ วิ่งโดยไม่สวมถุงเท้าก็ไม่มีปัญหาเสียดสีกับตะเข็บแต่อย่างใด

แผ่นรองด้านในจะใช้แผ่นรอง OrthoLite ลดการเกิดกลิ่นหนาประมาณ 3 mm. ผิวของแผ่นรองจะมีลักษณะเป็นปุ่มไม่เรียบ เพื่อช่วยเพิ่มการยึดเกาะกับฝ่าเท้า ช่วยลดอาการเท้าไหลไปชนกับปลายรองเท้าขณะวิ่ง แต่ปกติผมจะถอดแผ่นรองออกเพื่อจะได้ให้ความรู้สึกของผิวถนนได้ดีกว่าเวลาวิ่งครับ


สำหรับ outsole ก็จะเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ใน Skora Core ครับ พื้น zero drop วัสดุที่ใช้ก็จะเป็น CM EVA foam (Compression Molded EVA foam) กับยาง IBR (Injection Blown Rubber) มีความหนา (stack height) ประมาณ 11 mm. (หากใส่แผ่นรองด้วยก็จะหนาเพิ่มขึ้นอีก 3 mm.) ความคงทนหายห่วงครับในเวบไซท์ Skora มีฝรั่งใส่วิ่งได้ระดับ 1,000 กม. หลายคนเลยครับ


ใน Skora Phase-X ยังคงใช้การออกแบบ outsole ที่เรียกว่า REALHEEL เหมือนกับรุ่นพี่คือ Skora Core ครับ บริเวณขอบของ outsole ทั้งหมดจะเป็นลักษณะโค้งมน ช่วยให้เกิดการลื่นไหลขณะวิ่งไม่ว่าจะลงเท้าที่พื้นตรงส่วนใดก็ตาม ส่วนเรื่องความยืดหยุ่นขณะสวมใส่ก็ใช้การออกแบบที่ Skora เรียกว่า REALFLEX ถึงจะมีความหนาของรองเท้าอยู่ที่ 11 mm. แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับความยืดหยุ่น (flexibility) ครับสามารถม้วนงอได้โดยไม่ติดขัดใดๆ เรื่องความยืดหยุ่นนี่ Phase-X ทำได้ดีกว่า Core ครับ เพราะใช้ผ้า mesh แทนหนัง เลยทำให้ม้วนได้มากกว่าอีกเล็กน้อย


ข้อเด่นที่ถือว่าเป็นจุดขายของ Skora Phase-X เลยก็คือการสะท้อนแสงของรองเท้าครับ เรียกได้ว่าถ้าเทียบกับรองเท้าที่ผมเคยรีวิวมาทั้งหมด Skora Phase-X นี่แหละครับเป็นแชมป์แห่งความสว่างเลย ช่วยเรื่องความปลอดภัยได้ดีเลยครับเวลาใส่วิ่งกลางคืน เวลาสะท้อนกับแสงไฟสว่างมากจริงๆ


การวิ่งบนถนน : ตอนใส่วิ่งถนนก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง Skora Core ครับเพราะใช้ outsole แบบเดียวกัน จะต่างกันก็ตรงที่รองเท้าเบากว่านิดหน่อย ยังคงถูกใจนักวิ่ง minimalist แน่นอน (โดยเฉพาะถ้าถอดแผ่นรองด้านในออก) เวลาวิ่งความรู้สึกมีมาครบทั้ง responsive ทั้ง ground feel ครับ การวิ่งบนถนนลาดยางทั้งพื้นเปียกและพื้นแห้ง รองเท้าเกาะถนนได้ดีครับ
การระบายอากาศก็ทำได้ดีแต่คงจะไม่ได้ดีมากแบบรองเท้าวิ่งที่ upper เป็น mesh ชั้นเดียวอย่าง Skecher GO run หรือ VIVOBAREFOOT ONE เพราะผ้า mesh ของ Skora Phase-X เป็นแบบหลายชั้นและมีชั้นฟิล์มสะท้อนแสงแทรกอยู่ด้วย โดยรวมก็ยังถือว่าระบายอากาศได้ค่อนข้างดีครับ
การวิ่งบนทางเทรล : ผมยังไม่ได้ใส่วิ่งเทรลครับ เคยแต่ใส่วิ่ง City Run คิดว่าก็คงเหมือนกับ Skora Core นะครับคือใส่วิ่ง light trail ได้ด้วย แต่คงไม่เหมาะกับทางเทรลโหดๆ ที่มีหินเยอะๆ อะไรแบบนั้นครับ

สำหรับข้อสรุป Skora Phase-X คู่นี้งานตัดเย็บและวัสดุที่ทำรองเท้าอยู่ในเกณฑ์ดีครับ คุณภาพอาจจะไม่ถึงกับระดับรุ่นพี่อย่าง Skora Core แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับดีถ้าเทียบกับรองเท้ายี่ห้ออื่นในท้องตลาด สวมใส่สบายและการให้ความรู้สึกขณะวิ่งก็ทำได้ดี เหมาะสำหรับใส่วิ่งตอนกลางคืนโดยเฉพาะวิ่ง City Run มากครับ
Pros
- มีวัสดุและการตัดเย็บดี
- การสะท้อนแสงทำได้ดีมาก
- มี responsive ในการวิ่งดี
- มี flexible ดี
- ใส่สบายออกแบบมาให้รองรับการวิ่งแบบ Barefoot / Minimalist
- พื้นรองเท้ายึดเกาะได้ดี
Cons
- ไม่เหมาะกับ heel striker เป็นอย่างยิ่ง หากใส่วิ่งลงส้นอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ
- toebox แคบกว่ารุ่น Core (เล็กน้อย)
- อาจต้องมีการปรับท่าวิ่ง บางคนอาจไม่ชอบ
- บางคนอาจมีปัญหารองเท้ากัดในช่วงแรกที่เริ่มใส่
อยากได้ขึ้นมาอีกแล้วววว สีก็เข้มกำลังดี
ถามคุณ tum หน่อยครับ ว่า phase x กับ core ใส่เบอร์เดียวกันเลยมั้ยครับ ตอนลองล่าสุดรู้สึก core จะกว้างสบายกว่าคิดว่าเพราะหนังด้วยส่วนนึง ต้องลดมาครึ่งไซส์ จากปกติใส่9 มาเป็น 8.5 สำหรับ core แต่ phaseX นี่ 8.5 รู้สึกแน่นเลยครับ ต้องเบอร์9 (เอา footbed ออก 8.5 จะรู้สึกพอโอเค 9 จะสบายๆ) แล้วเหมือน toe box ไม่กว้างเท่า core ไม่รู้คุณtum รู้สึกเหมือนกันรึเปล่าครับ
อีกอย่างที่กลัวจากตอนลองใส่คือ ตรงที่ลิ้นรองเท้า(ฝั่งที่ไม่ได้เย็บติด)พาดมาทับตรงใต้รูร้อยเชือก ผมลองแล้วตรงนี้ ลิ้นมาไม่ปิดถึงใต้รูร้อยเชือกรูบนสุด ตอนลองแล้วรู้สึกมันเคืองๆตรงจุดนี้หน่อย (เบอร์9) เป็นเหมือนกันมั้ยครับ ? กลัวว่าจะเสียดสีแล้วเป็นปัญหาตอนวิ่ง
วันนั้นเลยตัดสินใจเอา core มาก่อน เพราะนิ่มสบายมาก
เดือนกว่าแล้ว ยังตัดใจจาก phase x ไม่ได้ซักที ฮ่าๆ
ผมใส่เบอร์ 8 US ทั้งคู่ครับ แต่รู้สึกว่า Phase-X จะหน้าแคบกว่า Core นิดหน่อยจริงๆ ส่วนเรื่องการเสียดสีนี่ผมมีแค่ปัญหารองเท้ากัดที่ส้นอย่างเดียว อาจจะเพราะว่าเท้าผมค่อนข้างจะเป็นเท้าแบน (flat foot) ด้วยครับเลยไม่ค่อยมีปัญหาที่หลังเท้า
ถ้าลองเบอร์ไหนแล้วใส่สบายก็ใช้เบอร์นั้นดีแล้วครับ เบอร์มันไม่แน่นอน(แม้แต่ยี่ห้อเดียวกัน) 🙂