The Columbia Trail Masters 2014 (ep. VI)

วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ของการวิ่งรายการแรกของปีนี้และเป็นการวิ่งเทรลครั้งแรกในชีวิตครับ นั่นก็คือรายการ Columbia Trail Masters 2014 (Episode VI) ซึ่งจัดที่เขาไม้แก้ว พัทยา ตอนแรกก็ลังเลว่าจะวิ่งดีมั้ยเพราะว่าหลังจากวิ่งฮาล์ฟที่งานเชียงใหม่มาราธอนตอนสิ้นปี 2013 ผมมีอาการ ITBS (Iliotibial Band Syndrome เอ็นข้างเข่าอักเสบ) และมันก็ยังไม่หายดีสักเท่าไหร่

ตอนช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันงานอาการ ITBS มันดีขึ้นจนแทบจะไม่เจ็บแล้วครับ แต่ว่าผมไม่ได้ซ้อมวิ่งเลยครับไม่ฟิตอย่างแรง นั่งคิดไปคิดมาวิ่งก็วิ่งวะ สมัครไว้ 25K เคยวิ่งมา 23K แล้วเพิ่มอีก 2K ก็คงไม่เป็นไร ถ้ารู้สึกว่าจะเริ่มเจ็บก็เดินเอาล่ะกันเพราะปีนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าเรื่องเวลาและความเร็วเป็นเรื่องรอง เน้นวิ่งโดยไม่บาดเจ็บเป็นสิ่งสำคัญ สบาย…
วันที่ 8 ม.ค. ผมกับอุ้ยก็ไปรับ race pack ที่บริษัท AMA ครับ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยเพราะยังไม่ได้เสื้อต้องไปรับตอนงาน expo วันก่อนวิ่งที่โรงเรียนวัดเขาไม้แก้วหรือรับตอนวันวิ่งเลย จริงๆ สมัครล่วงหน้าตั้งนานน่าจะให้พร้อม race pack มาเลยเหมือนตอนงาน KOTR 2013 นะครับ สำหรับงานนี้จะจับเวลาโดยใช้ชิพ RFID ที่ติดอยู่หลัง bib ครับ


สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้วิ่งผมก็ใช้เท่าที่มีครับ ซื้อใหม่แค่รองเท้าวิ่งเทรล (Vivobarefoot Breatho Trail) กับขวดน้ำคาดเอว (Salomon) งานนี้มีจุดให้น้ำทุก 5K ผมคิดว่าวิ่ง 25K ใช้แค่ขวดน้ำก็คงพอ วันงานผมไปถึงเขาไม้แก้วประมาณตี 5 ครึ่ง งานนี้แกงค์ผมวิ่งกัน 5 คนครับ 25K 3 คน แล้วก็ 10K อีก 2 คนครับ

ช่วงก่อนวิ่งอากาศเย็นมากครับ พวกผมก็ไม่ได้วอร์มหรือยืดกล้ามเนื้อกันสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่หนักไปทางยืนเมาท์มอยไปเรื่อย จนถึงเวลาปล่อยตัว 25K ตอน 6:45 น. ก็เริ่มวิ่งออกไปช้าๆ ครับ ช่วง 3-4K แรกนี่วิ่งเป็นแถวตอนเรียงหนึ่งเลยครับ วิ่งกันไปเรื่อยๆ แถวยาวๆ ชุนวิ่งหายไปตั้งแต่ตอนสตาร์ทแล้วส่วนผมกับอุ้ยวิ่งคู่กัน วางแผนกันไว้ว่าจะวิ่งคู่กันไปเรื่อยๆ ถ้ามีใครบาดเจ็บจะได้ช่วยกันได้ระหว่างทาง

พอวิ่งได้ 5K เจอจุดให้น้ำจุดแรกก็รู้เลยว่าที่ประมาณเวลาไว้ตอนแรกมันไม่ใช่ล่ะ (ตอนแรกคิดไว้ว่า 25K น่าจะประมาณ 4 ชม. คิดว่าวิ่ง pace ประมาณ 9 กว่าๆ) เพราะเส้นทางไม่เรียบใช้ความเร็วไม่ได้เหมือนเวลาวิ่งถนน แถมเวลาขึ้นเขาลงเนินก็เหนื่อยกว่าด้วย 🙁 ตอนนี้ผมก็คิดในใจว่าวิ่งๆ เดินๆ ไปเรื่อยๆ สัก 4:30 ชม. ก็น่าจะถึงเส้นชัย (ซึ่งผมคิดผิดมหันต์ -“-) ดื่มน้ำเสร็จก็กรอกน้ำใส่ขวดแล้วออกวิ่งต่อไปช้าๆ

เส้นทางวิ่งจะมีป้ายบอกระยะและมีริบบิ้นสีส้มผูกไว้ตามทางเพื่อบอกว่าเราวิ่งมาถูกทางแล้ว ตามเส้นทางนอกจุดให้น้ำก็จะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่เป็นช่วงๆ พร้อมให้การช่วยเหลือนักวิ่งครับ ถือว่าการจัดการทำได้ค่อนข้างดีเลย แต่พอถึงช่วง 7-8K ผมเริ่มมีอาการที่ ITB อีกแล้วครับ พอเริ่มเจ็บผมก็หยุดเดินทันที (เวลาเดินมันจะไม่เจ็บแต่จะตึงๆ หน่อย) แล้วผมก็ตัดสินใจทันทีว่าจะไม่วิ่งล่ะจะเดินไปเรื่อยๆ ก็เลยบอกอุ้ยว่าให้ล่วงหน้าไปก่อนผมไม่วิ่งแล้ว อุ้ยบอกว่าไม่เป็นไรเดินไปด้วยกันตามแผนเดิมมีอะไรจะได้ช่วยกันได้ เออ…ก็ดีครับมีเพื่อนเดิน 🙂 และแล้ว ณ จุดนี้ Trail Running ผมก็กลายเป็น Trekking ไปโดยปริยาย

การวิ่งเทรลนี่มันดีตรงที่ไม่น่าเบื่อครับ พื้นผิวเส้นทางเปลี่ยนแปลงตลอด ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนมากกว่าการวิ่งถนน ผมเดินยังเพลินเลย(แต่ถ้าได้วิ่งคงเพลินกว่านี้) ระหว่างทางมีเพื่อนนักวิ่ง 2-3 คนมาทักครับว่าอ่าน blog ผมด้วย แต่ผมลืมถามชื่อต้องขออภัยด้วยนะครับ -“- ตามแผนที่เส้นทางวิ่ง 25K จะมีขึ้นเขา 2 ครั้งครับ พอถึงช่วง 11K ก็จะเป็นเนินสูงชันของแล้วก็จะเป็นช่วงลงเขาแล้วครับ ช่วงเดินนี่ไม่ค่อยเจ็บเข่าครับแต่ว่ามันจะตึงที่น่องกับต้นขากลัวจะเป็นตะคริวเหมือนกัน


ตอนลงเนินช่วง 11K ซึ่งชันมาก เจอน้องผู้ชายคนนึงเดินเป็นตะคริวอยู่ ผมกับอุ้ยก็เลยพาไปข้างทางแล้วก็ช่วยนวดครับ โชคดีที่อุ้ยพวกยานวด(ร้อน)มาด้วย คุยกันได้ความว่าน้องคนนี้เคยวิ่งฮาล์ฟมาแล้วแต่เมื่อ 4-5 เดือนก่อน งานนี้เลยลง 25K ก็แหนบดุ้งไปตามระเบียบครับ ก็คงเหมือนผมแหละครับคิดถึงแต่ระยะทาง แต่มิได้คำนึงถึงความโหดของภูมิประเทศเลย -“-
ต้นขาน้องคนนี้ที่เป็นตะคริวแข็งมากครับเรียกว่านวดกันเหนื่อยเลย ตอนนวดผมก็หยิบเจเล่รสเกลือแร่ให้ไปซองนึงไว้ทานรองท้อง เห็นน้องเค้าดูท่าทางจะเหนื่อยแล้วก็เหลือน้ำดื่มอยู่แค่ครึ่งขวด นวดไปสักพักพอเริ่มกล้ามเนื้อคลายผมกับอุ้ยก็เดินต่อ น้องผู้ชายคนนี้ก็เดินตามหลังมา(แล้วตอนหลังก็วิ่งแซงผมสองคนไปเลย)

พอลงเขามาแดดเริ่มแรงครับเส้นทางช่วงนี้จะเป็นถนนดินทรายผ่านไร่มัน ซึ่งขอบอกว่าโคตรร้อนเลยครับไม่ค่อยมีร่มไม้ พื้นทรายเดินแล้วยวบๆ เพิ่มความเหนื่อยได้ดีมาก ผมพลาดที่ใส่เสื้อแขนกุดกับกางเกงวิ่งขาสั้นมาวิ่งคราวนี้แดดเผาดีนักแล เดินตากแดดไปเรื่อยๆ จนประมาณช่วง 12-13K คุณสัญญา คานชัย อันดับ 1 กลุ่ม 50K ก็วิ่งแซงผมไปครับ (งานนี้ 50K จะวิ่ง loop 25K สองรอบ) ดูพี่เค้าวิ่งสบายๆ จังเลยครับ

สักพักพี่จุ๋งกับคุณพ่อ(กล้วยปั่นกับคุณพ่อต้นกล้วย เพจบันทึกสองเท้า) ก็วิ่งไล่หลังผมมา ตอนกำลังจะแซงพี่จุ๋งก็ถามผมว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมก็บอกว่าไม่เป็นอะไรผมเจ็บเข่านิดหน่อยแต่เดินได้ พี่จุ๋งกับคุณพ่อวิ่งแซงผมไปแต่พอห่างกันประมาณ 200 เมตร พี่จุ๋งก็วิ่งกลับมาหาผมครับแล้วก็ถามว่าเจ็บตรงไหนพอผมบอกว่า ITB พี่จุ๋งก็เอามือกดไล่ดูพบว่าต้นขาตึงมาก พี่จุ๋งก็เลยกดต้นขาผมให้เส้นคลาย ซึ่งมันจื๊ดมากๆๆๆ เลยครับตอนกด พอพี่จุ๋งกดได้สักพักก็บอกว่าให้กดตรงนี้นะถ้ามันเริ่มตึง แล้วก็บอกผมว่าไม่ต้องฝืนนะ (คือไม่ไหวก็ DNF ไปเถอะ) แล้วพี่จุ๋งก็วิ่งฟิ้วตามคุณพ่อไปเลย ต้องขอขอบคุณพี่จุ๋งมากๆ เลยครับคือหลังจากพี่จุ๋งกดคลายเส้นให้ผม ผมเดินสบายเลยอีก 5K ถัดมา 🙂

ผมคิดว่าช่วงที่โหดสุดสำหรับผมก็ตรงช่วงไร่มันนี่แหละครับ มันช่างร้อนและแห้งแล้งแถมพื้นทรายเดินยาก แต่ผมก็ยังคงเดินต่อไปผ่านมาประมาณ 16-17K แล้วผมคิดว่าเดินถึงแน่นอน จะให้ DNF ตอนนี้เกรงใจอุ้ยอุตสาห์เดินด้วยกันมาตั้งนาน เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอพี่จุ๋งกับคุณพ่ออยู่ไกลๆ (อ่านใน Facebook รู้สึกคุณพ่อจะนั่งพักเอาทรายออกจากรองเท้าผมเลยเดินตามมาทัน)
พอพี่จุ๋งเห็นผมก็ยังตะโกนถามว่าผมไหวหรือเปล่า ผมกับอุ้ยก็ชูมือให้สัญญาณกลับไปว่าโอเคครับ เดินออกจากเขตไร่มันตัดออกถนนลาดยางแล้วเลี้ยวกลับเข้ามาที่จุดให้น้ำสุดท้าย 20K จุดนี้ผมพักนานเลยเพราะเป็นจุดสุดท้ายแล้ว ดื่มน้ำดื่มเกลือแร่, กรอกน้ำใส่ขวด, ถอดรองเท้าเคาะทรายออก, เอาฟองน้ำมาถูตัว, บีบนวดขากับน่อง พร้อมแล้วก็เดินขึ้นเขาลูก 2 อีก 5K สุดท้ายเพื่อเข้าเส้นชัย เย้…
ช่วงนี้เดินไปได้ช้าๆ เพราะต้องคอยหลบทั้งรากไม้และกิ่งไม้ แล้วขาก็เริ่มตึงๆ ผมเลยระวังขาขวาข้างที่ไม่ได้เจ็บ ITB เป็นพิเศษเพราะใช้ขาข้างนี้ลงน้ำหนักมากกว่าข้างซ้าย กลัวจะล้ามากแล้วเป็นตะคริว บนพื้นก็จะมีพวกเศษกิ่งไม้ใบไม้ตลอดทางครับ สักพักผมเดินไปสะดุดรากไม้ครับ มันพรางตัวอยู่กับพวกเศษกิ่งไม้บนพื้นอย่างแนบเนียน -“- พอจะล้มก็เกร็งขาตะคริวมาจนได้ครับ แต่เป็นข้างซ้ายที่เจ็บ ITB นั่นแหละ อุ้ยก็เข้ามาช่วยนวดคลายให้ครับ มี running buddy มันก็ดีอย่างนี้แหละครับ

ตอนนวดผมนอนอยู่บนพื้นมีนักวิ่งต่างชาติท่านนึงวิ่งผ่านมาพอดี (น่าจะ 50K อันดับ 7 หรือ 8 นี่แหละครับ) เค้าก็หยุดถาม “Are you OK? Do you want some water?” แล้วก็ยืนขวดน้ำมาให้ผมครับ ผมก็เลยบอกว่าผมไม่เป็นอะไรมากมีน้ำอยู่แล้ว (ผมนอนทับขวดน้ำตัวเองอยู่) เค้าก็พยักหน้าแล้วก็วิ่งต่อไปครับ อุ้ยนวดให้ผมสักพักก็ดีขึ้นแล้วก็ลุกขึ้นเดินต่อจนเข้าเส้นชัยครับ



ตอนจะเข้าเส้นชัยเห็นกลุ่มเพื่อนผมยืนรอโบกไม้โบกมือกันอยู่แต่ไกล (ประมาณว่ากูรอมึงนานมาก..ก..ก..) อุ้ยก็วิ่งจ้อกเข้าเส้นชัยไป ส่วนผมก็เดินเข้าเส้นชัยครับ ตอนเดินจะเข้าเส้นชัยคุณสัญญา คานชัย ที่ 1 Overall 50K นั่งรอรับรางวัลอยู่แถวเส้นชัยก็ปรบมือให้ผมด้วย เขินเลย… ชุนบอกว่าคิดว่าผมหลงป่าเพราะรอนานมาก เหอๆ สรุปแล้วผมเข้าเส้นชัยเวลา 5:56 ชม. เข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายของ 25K (ชาย) 🙂


เข้าเส้นชัยแล้วผมก็เดินไปทานข้าว ดื่มเบียร์ขวดนึง(งานนี้มีแจกเบียร์ด้วยดีจัง) แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านครับ งานนี้เป็นงานที่ผมทำเวลาได้แย่ที่สุดตั้งแต่เริ่มวิ่งมาเลยครับแต่ว่าเป็นรายการวิ่งที่ผมคิดว่าสนุกที่สุด ประสบการณ์วิ่งเทรลครั้งนี้ทำให้ผมได้ความรู้หลายอย่าง เช่น
- ผมชอบวิ่งเทรลแล้วล่ะ
- ถ้าวิ่งช้าและไม่ชอบแดด เสื้อแขนยาว/กางเกงขายาว/หมวก เป็นสิ่งจำเป็นถ้าไม่อยากโดนแดดเผาเกรียม
- ขวดน้ำมือถือใช้ได้ดีแต่เป้น้ำดีกว่าเพราะบางจังหวะโดยเฉพาะเวลาลงเนินอาจต้องเอื้อมมือคว้าต้นไม้ ถ้าถือขวดอยู่มันจะไม่ค่อยถนัด
- ขวดน้ำคาดเอวช่วงแรกจะรัดแน่นดีแต่พอวิ่งไปสักพักมันจะร่นขึ้นมาเหนือเอวแล้วเด้งไปเด้งมาน่ารำคาญเหมือนกัน
- ถ้ายังมือใหม่ (noob) อยู่ เดินขึ้นเนินเก็บแรงไว้แล้วค่อยวิ่งทางลาดที่วิ่งได้ง่ายดีกว่า
- 25K บนทางเทรลเหนื่อยกว่าบนถนนเยอะมาก -“-
- วิ่งแบบมี buddy จะดีกว่าวิ่งเดียวในกรณีที่เป็นมือใหม่จะได้ช่วยเหลือกันได้
งานนี้ผมบาดเจ็บเลยต้องเดินเกือบ 2/3 ของเส้นทาง แต่คราวหน้าถ้าผมหายเจ็บและฟิตทันผมจะกลับมาแก้แค้นรายการนี้แน่นอนครับ เพราะว่าวิ่งเทรลมันสนุกจริงๆ 🙂



ข้อดี
– มีการจัดการดี มีเจ้าหน้าที่อยู่ตามจุดตลอดเส้นทาง
– จุดให้น้ำและเกลือแร่ตรงกับแผนที่เส้นทางวิ่ง
– น้ำดื่มและเกลือแร่มีให้บริการอย่างเพียงพอ
– มี Course Naviagtion ให้ศึกษาก่อนวิ่ง
– อาหารเยอะดี และมีเบียร์แจกด้วย
ข้อเสีย
– ควรให้เสื้อมาใน race pack ตอนที่ไปรับ bib ล่วงหน้าเลย
– เสื้องานนี้เนื้อผ้าดีแต่ไซส์เล็กกว่าปกติ
'เมนท์ที่นี่จ้า